สั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าพนัน เช็คเด้งมีความผิดทางอาญาหรือไม่

สั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าพนัน เช็คเด้งมีความผิดทางอาญาหรือไม่

สั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าพนัน เช็คเด้งมีความผิดทางอาญาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2533

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 เป็นความผิดสองกรรมเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ปรับจำเลยที่ 1 กระทงละ 10,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ1 ปี รวมเป็นปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 20,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับซึ่งเป็นเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาบางแค เลขที่ 0044346 ลงวันที่ 7 มิถุนายน2528 จำนวนเงิน 190,000 บาท และเลขที่ 0043115 ลงวันที่ 10กรกฎาคม 2528 จำนวนเงิน 196,000 บาท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงได้เรียกเก็บเงินตามเช็คดังกล่าว แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่ายังไม่มีการตกลงกับธนาคารและมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายตามลำดับ คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าฝ่ายโจทก์มีนายจำปา เพียงปากเดียวที่เบิกความว่าจำเลยทั้งสองนำเช็คพิพาทมาแลกเงินสดและเช็คไปจากพยานเป็นจำนวนเงินรวม 386,000 บาท ไม่ปรากฎเหตุผลจากการนำสืบของโจทก์ว่าเพราะเหตุใดจำเลยทั้งสองจึงต้องนำเช็คมาแลกเงินจากพยานเป็นจำนวนมากเช่นนี้ และเหตุใดพยานจึงไม่คิดผลประโยชน์ตอบแทนจากฝ่ายจำเลยการนำสืบของโจทก์จึงมีลักษณะเลื่อนลอยฝ่ายจำเลยทั้งสองนอกจากตัวจำเลยที่ 2 อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยที่ 2 ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับ เพื่อชำระหนี้การพนันให้แก่นายจำปาแล้ว ยังมีนายขนุน เป็นพยานเบิกความสอดคล้องต้องกันว่า นายจำปากับจำเลยที่ 2 และพยานได้เล่นการพนันป๊อกแปดเก้ากันหลายครั้ง เช็คพิพาทตามฟ้องมีมูลหนี้มาจากการพนันยิ่งกว่านั้นนายจำปายังเบิกความเจือสมพยาน จำเลยว่าเคยเล่นการพนันกับจำเลยที่ 2 จริง และเคยเล่นได้เสียกันเป็นจำนวนหมื่นบาทตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุควรสงสัยว่าจำเลยทั้งสองอาจออกเช็คพิพาทตามฟ้องเพื่อชำระเงินที่จำเลยที่ 2 จะต้องชำระแก่นายจำปาเนื่องจากการเล่นการพนัน อันเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายและไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง…”

พิพากษายืน.

สรุป

พฤติการณ์ที่จำเลยสั่งจ่ายเช็ค พิพาทมีเหตุควรสงสัยว่าจำเลยอาจ ออกเช็ค ดังกล่าวเพื่อชำระเงินที่จำเลยจะต้อง ชำระ เนื่องจากการเล่นการพนัน ถือ ว่าเช็ค ดังกล่าวมี มูลหนี้ไม่สมบูรณ์ตาม กฎหมายและไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯจึงต้อง ยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้จำเลย.