ด่าภรรยาว่า อีดอกทอง” “อีเหี้ย” “อีสัตว์” “กะหรี่ยังดีกว่ามึงเสียอีก” “อีดอกทองทั้งแม่ทั้งลูก ถือเป็นเหตุฟ้องหย่าหรือไม่

ด่าภรรยาว่า อีดอกทอง” “อีเหี้ย” “อีสัตว์” “กะหรี่ยังดีกว่ามึงเสียอีก” “อีดอกทองทั้งแม่ทั้งลูก ถือเป็นเหตุฟ้องหย่าหรือไม่

ด่าภรรยาว่า อีดอกทอง” “อีเหี้ย” “อีสัตว์” “กะหรี่ยังดีกว่ามึงเสียอีก” “อีดอกทองทั้งแม่ทั้งลูก ถือเป็นเหตุฟ้องหย่าหรือไม่

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับ ให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้น ฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ นางสาว ว. ระหว่างอยู่กินด้วยกัน จำเลยดื่มสุราเป็นอาจิณและกลับบ้านดึก เมื่อเมาสุรากลับมาจะด่าว่าโจทก์และมารดาโจทก์รวมทั้งบุตรด้วยถ้อยคำหยาบคาย อาทิ “อีดอกทอง” “อีเหี้ย” “อีสัตว์” “กะหรี่ยังดีกว่ามึงเสียอีก” “อีดอกทองทั้งแม่ทั้งลูก” เป็นต้น จำเลยเคยถือมีดทำครัวขู่จะทำร้ายโจทก์จนโจทก์ต้องวิ่งหนีขึ้นชั้นบนบ้านและเคยนำสากกะเบือซ่อนไว้ใต้หมอนเพื่อเตรียมทำร้ายโจทก์

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยประพฤติชั่วเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาได้รับความเสียหายและเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (2) (ค) หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นเหตุร้ายแรงที่จะถือเป็นเหตุหย่านั้น เห็นว่า โจทก์ประกอบอาชีพเป็นครู ต้องให้การศึกษาอบรมลูกศิษย์และได้รับการยกย่องว่าอาชีพดังกล่าวเป็นแม่พิมพ์ของชาติ แต่โจทก์กลับต้องอดทนต่อความประพฤติของจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวที่กระทำต่อตนซึ่งเป็นภริยาและยังกระทำต่อบุตรสาวจำเลยเองอีกด้วย แม้จำเลยจะไม่มีความอ่อนหวานหรือไม่รู้จักการให้เกียรติภริยาของตนก็ตาม แต่จำเลยก็ควรรู้จักการทะนุถนอมน้ำใจของอีกฝ่ายเยี่ยงสามีที่ดีทั่วไปอันจะช่วยประคับประคองชีวิตสมรสให้ราบรื่น มิใช่ด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายอันเป็นการเหยียดหยามโจทก์ การที่โจทก์อดทนอยู่กับจำเลยอีกหลายปีนั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ให้อภัยตามที่จำเลยเข้าใจเอาเอง เพราะการให้อภัยเป็นเรื่องที่ผู้กระทำผิดสำนึกผิดแล้วอีกฝ่ายไม่เอาโทษ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ให้โอกาสจำเลยปรับปรุงตนเองเป็นเวลาหลายปี แต่จำเลยหาได้สำนึกและกลับตนไม่ จนกระทั่งโจทก์และบุตรสาวไม่สามารถอดทนอยู่กับจำเลยได้ จึงพากันย้ายหนีจำเลยไปอาศัยอยู่กับมารดาโจทก์ ดังนั้น พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการประพฤติชั่วเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาได้รับความเสียหายและเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ โจทก์จึงฟ้องหย่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (2) (ค) ฎีกาอื่นของจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายความแสงวรรณ
ทนายความแสงวรรณ เรือนเครือ
72/122 ม.7 ซ.8 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 60000
โทร 084-5795609