ทรัพย์ที่กฎหมายยกเว้นไม่ให้เป็นส่วนควบ
ทรัพย์ใดแม้จะเป็นส่วนควบตามหลักเกณฑ์ทั่วๆ ไปตามมาตรา ๑๔๔ แต่ถ้ามีกฎหมายบัญญัติยกเว้นไว้ไม่ให้เป็นส่วนควบทรัพย์นั้นก็ย่อมเป็นส่วนควบมิได้กฎหมายที่บัญญัติยกเว้นไว้คือมาตรา 145 วรรคสองและมาตรา 146
มาตรา 145 บัญญัติว่า“ ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกับที่ดินที่ไม้นั้นขึ้นอยู่ไม้ล้มลุกหรือธัญชาติอันจะเก็บเกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่งหรือหลายคราวต่อปีไม่เป็นส่วนควบกับที่ดิน”
มาตรา 146 บัญญัติว่า“ ทรัพย์ซึ่งติดกับที่ดินหรือติดกับโรงเรือนเพียงชั่วคราวไม่ถือว่าเป็นส่วนควบกับที่ดินหรือโรงเรือนนั้นความข้อนี้ให้ใช้บังคับแก่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นซึ่งผู้มีสิทธิในที่ดินของผู้อื่นใช้สิทธินั้นปลูกสร้างไว้ในที่ดินนั้นด้วย”
ทรัพย์ที่กฎหมายบัญญัติยกเว้นไม่ให้เป็นส่วนควบ ได้แก่
- ไม้ล้มลุกหรือธัญชาติซึ่งเก็บเกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่งหรือหลายคราวต่อปี (มาตรา 145 วรรคสอง) เช่นข้าวข้าวโพดพืชสวนครัวเป็นต้นสับปะรดเป็นพืชถาวร จำพวกใบเลี้ยงเดี่ยวไม่มีเนื้อให้เห็นเด่นชัดจึงไม่เป็นไม้ยืนต้น เช่น ต้นอ้อยเป็นไม้ล้มลุก ต้นกล้วยเป็นไม้ล้มลุก
- ทรัพย์ซึ่งติดกับที่ดินหรือโรงเรือนเพียงชั่วคราว (มาตรา 146) การที่จะพิจารณาว่าทรัพย์สิ่งใดที่ติดกับที่ดินหรือโรงเรือนเพียงชั่วคราวไม่เป็นส่วนควบนั้นจะต้องดูที่เจตนาของผู้นำมาติดว่าทรัพย์นั้นผู้นำมาติดมีเจตนาที่จะติดไว้ชั่วคราวหรือว่าติดไว้ตลอดไปทรัพย์ที่ติดอยู่กับที่ดินเพียงชั่วคราวเช่นมีการแสดงสินค้าแล้วมีการสร้างโรงแสดงสินค้าเพื่อใช้งานเพียง 10 วันหรือ 15 วันหรือมีการต่อโรงเรือนออกไปเพื่อที่จะจัดงานวันเกิด 1 วัน สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นส่วนควบ
3.โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นซึ่งผู้มีสิทธิในที่ดินของผู้อื่นใช้สิทธิปลูกสร้างไว้ (มาตรา 146)
คำว่ามีสิทธิในที่ดินหมายถึงสิทธิที่เป็นทั้งทรัพยสิทธิและบุคคลสิทธิ
สิทธิในที่ดินของผู้อื่นที่เป็นทรัพยสิทธิเช่นสิทธิเหนือพื้นดินในอันที่จะเป็นเจ้าของโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งเพาะปลูกบนดินหรือใต้ดินของผู้อื่น (มาตรา 1410) การที่ผู้มีสิทธิเหนือที่ดินใช้สิทธิในที่ดินนั้นปลูกทำสิ่งใดลงไว้ก็ไม่กลายเป็นส่วนควบเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 146 เช่นเจ้าของที่ดินกับแดงจดทะเบียนก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินโดยให้แดงมีสิทธิปลูกสร้างบ้านบนที่ดินดังกล่าวตลอดชีวิตของแดงบ้านไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน
สิทธิในที่ดินของผู้อื่นที่เป็นบุคคลสิทธิเช่นสิทธิที่บุคคลใดมีสิทธิที่จะปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งเพาะปลูกบนที่ดินของผู้อื่น แต่ไม่ได้จดทะเบียนก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินตามมาตรา 1299, 1410 เช่น เช่าที่ดินปลูกสร้างโรงเรือนโรงเรือนไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินปลูกตึกแถวลงในที่ดินของผู้อื่นโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าซึ่งมีกำหนด 15 ปีแล้วจึงจะให้ตึกแถวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินดังนี้เมื่อสัญญาเช่ายังไม่ครบอายุตึกแถวก็ยังไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน หรือในกรณีที่เจ้าของที่ดินยินยอมให้ปลูกอาศัยก็ถือว่าเป็นสิทธิในที่ดินของผู้อื่นที่เป็นบุคคลสิทธิเช่นกัน เช่น ปลูกเรือนในที่ดินผู้อื่นโดยเจ้าของที่ดินยินยอมเรือนไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน หรือปลูกเรือนในที่ดินของมารดาโดยได้รับความยินยอมของมารดาให้ปลูกเป็นการปลูกสร้างโรงเรือนซึ่งมีสิทธิในที่ดินของผู้อื่นใช้สิทธิปลูกทำลงไว้จึงไม่เป็นส่วนควบ ปลูกบ้านแล้วทำทางเท้าและคันหินล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยโดยจำเลยยินยอมทางเท้าและคันหินไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดิน