สามีนำที่ดินสินส่วนตัวไปจำนอง แต่ภริยาช่วยผ่อนชำระด้วย จะทำให้ที่ดินนั้นเป็นสินสมรสหรือไม่

สามีนำที่ดินสินส่วนตัวไปจำนอง แต่ภริยาช่วยผ่อนชำระด้วย จะทำให้ที่ดินนั้นเป็นสินสมรสหรือไม่

“ สามีนำที่ดินสินส่วนตัวไปจำนอง แต่ภริยาช่วยผ่อนชำระด้วย จะทำให้ที่ดินนั้นเป็นสินสมรสหรือไม่”

ประมวลประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471 (1) วางหลักไว้ว่า “สินส่วนตัวได้แก่ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส”

มาตรา ๑๔๔  วางหลักไว้ว่า “ส่วนควบของทรัพย์ หมายความว่า ส่วนซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น และไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลาย ทำให้บุบสลาย หรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป  เจ้าของทรัพย์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบของทรัพย์นั้น”

และมาตรา ๑๔๖  วางหลักไว้ว่า “ทรัพย์ซึ่งติดกับที่ดินหรือติดกับโรงเรือนเพียงชั่วคราว ไม่ถือว่าเป็นส่วนควบกับที่ดินหรือโรงเรือนนั้น ความข้อนี้ให้ใช้บังคับแก่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ซึ่งผู้มีสิทธิในที่ดินของผู้อื่นใช้สิทธินั้นปลูกสร้างไว้ในที่ดินนั้นด้วย”

กรณีที่พบว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินส่วนตัวของสามี เมื่อสามีนำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองประกันหนี้เงินกู้ของตน โดยมีภริยาร่วมผ่อนชำระด้วย ถือว่าการช่วยผ่อนชำระนั้นเป็นเพียงการช่วยชำระหนี้เงินกู้ให้แก่สามีเท่านั้น ดังนั้น ที่ดินสินส่วนตัวของสามีจึงยังคงเป็นสินส่วนตัวอยู่ดังเดิม ไม่กลับกลายเป็นสินสมรสแต่อย่างใด

คำพิพากษาฎีกาที่ 3943/2561

การที่ผู้ร้องซื้อที่ดินพิพาทแล้วจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทก่อนที่ผู้ร้องกับจำเลยจะจดทะเบียนสมรสกัน ย่อมถือได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องมีอยู่ก่อนสมรสและเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1471 (1) ส่วนการที่ต่อมาผู้ร้องนำที่ดินพิพาทที่ซื้อได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของไปจดทะเบียนจำนองประกันหนี้เงินกู้ก็เป็นสิทธิที่ผู้ร้องสามารถทำได้ และการที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาจะร่วมผ่อนชำระด้วยก็เป็นเพียงการช่วยชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ผู้ร้องเท่านั้น กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร่วมกับผู้ร้องในที่ดินพิพาท  บ้านพิพาทบนที่ดินพิพาทเป็นบ้านตึกสองชั้นที่ก่อสร้างขึ้นใหม่แทนบ้านหลังเดิมที่เป็นบ้านตึกชั้นเดียว แต่ยังคงใช้เลขที่บ้านเดิม และด้วยเงินที่ได้มาระหว่างสมรสของผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 และผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 ใช้บ้านหลังดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยร่วมกัน พฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าบ้านพิพาทก่อสร้างขึ้นโดยได้รับความยินยอมและอยู่ในความรู้เห็นของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท อันถือได้ว่าเข้าข้อยกเว้นในกรณีที่ผู้มีสิทธิในที่ดินของผู้อื่นใช้สิทธิปลูกสร้างไว้ในที่ดินนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 146 และไม่ถือว่าบ้านพิพาทเป็นทรัพย์ส่วนควบของที่ดินอันตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแต่ผู้เดียว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 144 หากแต่บ้านพิพาทเป็นสินสมรสไม่ใช่สินส่วนตัว จึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของจำเลยที่ 1 กับผู้ร้อง

สรุปได้ว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวของสามี แต่บ้านที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ในที่ดินดังกล่าวเป็นสินสมรส

มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายความแสงวรรณ

ทนายความแสงวรรณ เรือนเครือ

72/122 ม.7 ซ.8 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 60000

โทร 084-5795609